อินฟลูเอนเซอร์คืออะไร? ทำไมธุรกิจควรใช้?
- Impower Team
- May 8
- 3 min read
Updated: May 10

Key Takeaway
ในยุคที่คอนเทนต์ล้นโลกและสมาธิ (Attention) มีอยู่อย่างน้อยนิด ทำให้แบรนด์ต้องการยืม "พลังพิเศษ" จากอินฟลูเอนเซอร์ ในการสะกดความสนใจของลูกค้า แบรนด์ใช้อินฟลูเอนเซอร์ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มการมองเห็น (Brand Visibility), เพิ่มความน่าเชื่อถือ (Credibility), กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ (Purchase Decision) และเพิ่มยอดขาย (Sales)
อินฟลูเอนเซอร์ คือบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยสามารถโน้มน้าวให้ผู้ติดตามเลือกซื้อสินค้า ใช้บริการ หรือมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อินฟลูเอนเซอร์ไม่ได้ขายสินค้า แต่ขาย "ความสัมพันธ์" คนติดตามไม่ได้ซื้อเพราะโฆษณา แต่ซื้อเพราะรู้สึกเหมือนเพื่อนสนิทกำลังแนะนำ และนี่คือสิ่งที่การโฆษณาทั่วๆไปทำได้ยาก
การแบ่งประเภทอินฟลูเอนเซอร์สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งตามจำนวนผู้ติดตาม (Nano, Micro, Macro, Mega), ตามประเภทคอนเทนต์ (สายเกม, กีฬา, บล็อกเกอร์, ท่องเที่ยว, ความงาม, แฟชั่น, ครอบครัว, อาหาร, ป้ายยา) และตามช่องทางการสื่อสาร (YouTube, Instagram, TikTok, Facebook และอื่นๆ)
อินฟลูเอนเซอร์แต่ละสายมีจุดแข็งและความเหมาะสมกับสินค้าที่แตกต่างกัน เช่น สายเกมเหมาะกับเทคโนโลยีไปจนถึงสินค้าสำหรับพนักงานออฟฟิศ สายป้ายยาเหมาะกับทุกสินค้าที่อยากให้คนกดซื้อทันที นอกจากนั้นใหญ่ไม่ได้แปลว่าดีเสมอไปในโลกอินฟลูเอนเซอร์
อินฟลูเอนเซอร์คืออะไร?
อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) คือ บุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมาย ในปัจจุบันเรามักจะหมายถึง ช่องทางออนไลน์ เป็นหลัก เช่น โซเชียลมีเดีย บล็อก หรือวิดีโอคอนเทนต์ โดยสามารถโน้มน้าวให้ผู้ติดตาม รู้สึกเชื่อมั่นในสินค้า และส่งผลให้ซื้อสินค้าได้ในที่สุด
แบรนด์ทั่วโลกแห่กันใช้
แบรนด์ทั่วโลกกำลังทุ่มงบมหาศาลเพื่อแย่งตัวอินฟลูเอนเซอร์ ในสหรัฐฯ งบ Influencer Marketing โตขึ้นถึง 3 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แตะมูลค่าเกือบ 7 พันล้านดอลลาร์ (ข้อมูลจาก the Economist) แบรนด์ใหญ่เล็งเห็นแล้วว่า อินฟลูเอนเซอร์ได้กลายเป็น "กระบอกเสียงหลัก" ในการเชื่อมต่อผู้บริโภคกับสินค้าและบริการอย่างมีพลัง
โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แนวโน้มนี้ก็เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน รายงานจาก Cube Asia และ impact.com ระบุว่า ยอดขายผ่านอินฟลูเอนเซอร์คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 20% ของยอดออนไลน์ในปี 2024 และมากกว่า 8 ใน 10 ของผู้บริโภคบอกว่าซื้อสินค้าเพราะได้รับการแนะนำจากอินฟลูเอนเซอร์!
ทำไมธุรกิจเลือกใช้?
อินฟลูเอนเซอร์ถ้าเลือกใช้ดีๆ แทบจะเหมือนแบรนด์มีสูตรโกงเกมอยู่ในมือ
คอนเทนต์ ล้นโลก (โดยเฉพาะคอนเทนต์จากแบรนด์) : ทุกแบรนด์แข่งกันผลิตคอนเทนต์และยิงโฆษณา ค่ายิงโฆษณาสูงขึ้นไปเรื่อยๆในขณะที่ได้ผลตอบแทนต่ำลงเรื่อยๆ ซึ่งสวนทางกับคนดูซึ่ง ...
คนดูมี Attention (ความจดจ่อ) ต่ำลงเรื่อยๆ : ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความนิยมของวิดิโอสั้นที่เริ่มต้นจาก TikTok และทุกแพลตฟอร์มก็แห่กันมีตามอย่างรวดเร็วทำให้คนคาดหวังในคอนเทนต์ทั้งสั้นกระชับและไม่เสียเวลา นำมาสู่เหตุผลที่ 3...
การหยุดดู สำคัญกว่า การมองเห็น : ในสมัยนี้ทุกแพลตฟอร์ม คุณสามารถจ่ายเงินยิงโฆษณาเพื่อให้คนจำนวนมากมองเห็น (และไถผ่าน) แต่เราไม่สามารถจ่ายเงินให้เขาหยุดดูได้ ในขณะที่คนแบบอินฟลูเอนเซอร์ มีความสามารถในการทำให้คนหยุดดู จึงมาสู่ข้อที่ 4...
เพิ่มโอกาสที่ผลิตภัณฑ์ของเราจะเป็นที่รู้จักอย่าง และเชื่อถือ และชื่นชอบ อย่างรวดเร็ว : เพราะแบรนด์ยืมพลังพิเศษอื่นๆ (นอกจากความสามารถในการ "หยุดดู") จากอินฟลูเอนเซอร์
ความสามารถพิเศษของอินฟลูเอนเซอร์
การใช้อินฟลูเอนเซอร์ก็เหมือนการยืมพลังพิเศษที่ทำให้แบรนด์ติดสปีดธุรกิจของตัวเองในด้านต่างๆเช่น

เพิ่มการมองเห็น (Brand Visibility): เพราะเรายืมผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์ เวลาโพสต์ที หรือลงคลิปที ก็มักจะมีผู้ชมถล่มทลายเพราะมีแต่คนตั้งหน้าตั้งตารอ ในโลกที่ทุกแบรนด์แข่งกันยิงโฆษณา แย่งความสนใจลูกค้า ส่วนลูกค้าเองก็พร้อมจะไสลด์ข้ามโฆษณา การมีอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้รอติดตามเป็นจำนวนมากมาช่วยเราโพสต์โปรโมทสินค้าเรา ถือเป็นการยืมความสามารถในการดึงดูดความสนใจจากอินฟลูเอนเซอร์มาเพื่อเพิ่มโอกาสการมองเห็นให้แบรนด์เป็นอย่างดี
เพิ่มความน่าเชื่อถือ (Credibility): อินฟลูเอนเซอร์หลายคนใช้เวลานาน กว่าจะสร้างตัวตนที่ มี authority (อำนาจ) และความน่าเชื่อถือ เราจะเห็นว่าอินฟลูเอนเซอร์หลายคนพูดอะไรก็ฟังดูมีน้ำหนักจนต้องพยักหน้าตาม นี่แหละเหตุผลที่แบรนด์เลือกอินฟลูเอนเซอร์มาเป็นกระบอกเสียง เพราะเมื่ออินฟลูเอนเซอร์ที่น่าเชื่อถือพูดถึงแบรนด์เรา ความน่าเชื่อถือของเขาจะถูกส่งต่อมาที่แบรนด์โดยปริยาย ถ้าเทียบกันถ้าคุณคือร้านอาหารแบรนด์ใหม่ที่คนไม่รู้จักมาก่อนพยายามลงคลิปโปรโมทร้านตัวเองและยิงโฆษณาเอง กับลองนึกภาพถ้า กุ๊กขี้เมา หรือ บังโต (บังโต ซิลลี่ฟูล / คำโตๆ) มาลงคลิปชมว่าร้านคุณอร่อยดูสิครับ ว่าผลลัพธ์อะไรจะเร็วกว่ากัน
กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ (Purchase Decision): จากประสบการณ์ร่วมงานกับบริษัทมากมาย เราพบว่าจุดเด่นของอินฟลูเอนเซอร์ไม่ได้อยู่ที่จำนวนผู้ติดตามเพียงอย่างเดียว แต่ยังอยู่ที่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและจริงใจ อินฟลูเอนเซอร์กลุ่มเล็กๆ อย่าง Nano หรือ Micro Influencer มีผู้ติดตามอาจไม่เยอะมาก แต่เหนียวแน่น พูดอะไรก็เหมือนคุยกับเพื่อนสนิท ที่จริงใจและจริงจังกับการแนะนำ จะป้ายยาอะไรคนก็ไปซื้อตาม แบรนด์ที่มองเห็นจุดนี้ก็จะใช้อินฟลูเอเซอร์เป็นหัวหน้าลัทธิ ป้ายยาแบบเนียนๆ สาวกพร้อมซื้อตามโดยไม่ถามเหตุผล
เพิ่มยอดขาย (Sales): แน่นอนว่าเป้าหมายสุดท้ายของแบรนด์คือการเพิ่มยอดขาย และนี่ก็เป็นพลังสำคัญที่อินฟลูเอนเซอร์มีอยู่แล้วในมือ การแนะนำสินค้าจากอินฟลูเอนเซอร์ ไม่ใช่แค่การเพิ่มการรับรู้หรือความน่าเชื่อถือเพียงเท่านั้น แต่ อย่างที่เรา (อาจจะ) เคยโดนตกมาในแอพฯ TikTok มันสามารถเปลี่ยนจาก "แค่ดูๆ" มาเป็น "ซื้อเลยทันที" ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นเพราะลูกค้าเชื่อมั่นว่าอินฟลูเอนเซอร์นั้นได้ทดลองจริงใช้จริง หรืออินฟลูป้ายยาเก่งซะจนมือลั่น อินฟลูเอนเซอร์หลายคนโพสต์คลิปรีวิวทีไร ของที่แนะนำขายหมดเกลี้ยงแทบจะทันที นี่คือพลังพิเศษที่แบรนด์ต่างต้องการยืมจากอินฟลูเอนเซอร์มาช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างตรงจุดและทรงพลัง
อินฟลูเอนเซอร์มีกี่ประเภท
ขึ้นอยู่ที่เราแบ่งตามอะไร เช่น แบ่งตามจำนวนผู้ติดตาม แบ่งตามประเภทคอนเทนต์ แบ่งตามช่องทางการสื่อสาร ฯลฯ
แบ่งตามจำนวนผู้ติดตาม
Nano Influencer: มีผู้ติดตาม 1,000 – 10,000 คน
Micro Influencer: มีผู้ติดตาม 10,000 – 100,000 คน
Macro Influencer: มีผู้ติดตาม 100,000 – 1,000,000 คน
Mega Influencer หรือ Celebrity: มีผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 คน
ใหญ่หรือเล็ก อะไรดีกว่ากัน? คำถามโลกแตก
มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป บางครั้งใหญ่เกินไปคนไม่เชื่อก็มี สมมติแบรนด์เราขายกระเป๋าหนังแล้วลองนึกภาพว่าดาราที่ดังมากๆมีผู้ติดตามเป็นล้าน โปรโมทแบรนด์ให้กับเรา แน่นอนว่าเพิ่มการมองเห็นแน่ แต่ก็คงมีผู้ติดตามหลายคนที่ไม่เชื่อว่าดาราคนนี้ใช้แบรนด์เราจริง (เขาอาจคิดว่า ดาราค่าตัวแพงขนาดนี้ คงไปใช้แบรนด์ระดับ Super Luxury อย่าง Hermes, Gucci มากกว่าแบรนด์เล็กๆของเรา) เป็นต้น ดังนั้นถึงแม้อินฟลูเอนเซอร์ใหญ่ๆอาจเพิ่มการมองเห็นให้แบรนด์เราได้อย่างรวดเร็ว ก็อาจไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อจริง หรือแม้แต่จะทำให้ผู้ติดตามรู้สึก "อิน" กับแบรนด์ของเรา ในทางตรงกันข้าม อินฟลูเอนเซอร์ขนาดกลางๆ เจาะกลุ่มเฉพาะจริงๆ เวลาใช้อะไร คนก็มักจะเชื่อว่าคนนี้พูดจริงใช้จริง ก็จะส่งผลทำให้คนอยากซื้อตามมากกว่า
แบ่งตามช่องทางการสื่อสาร
YouTube
Instagram
TikTok
Facebook
X (twitter)
LinkedIn
Spotify (สำหรับ Podcaster)
แต่ปัจจุบัน อินฟลูเอนเซอร์คนหนึ่งมักจะมีหลายช่องทาง ขึ้นอยู่กับว่าเขาเน้นสื่อสารผ่านทางช่องทางไหนเป็นหลัก
แบ่งตามสายงานหรือความถนัด
สายเกมและสตรีมมิ่ง: เป็นสายที่ผู้ติดตามดูได้เป็นชั่วโมงๆ (ชื่อเล่นคือ “จอมดูดเวลา”) แน่นอนว่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จะตรงร่องอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสายที่ตรงกับสินค้าสำหรับพนักงานออฟฟิศอย่างเหลือเชื่อ (เราเคยทำมาแล้ว สายนี้ติดอันดับคนที่ทำยอดขายมากที่สุด) ด้วยความที่ใช้ชีวิตนั่งหน้าคอมนิ่งๆเป็นเวลานานๆเหมือนกัน จุดแข็งกลุ่มนี้คือ ทุกนาทีบนจอ = ฟรี airtime สำหรับแบรนด์ที่ขายของให้นักนั่งจอ (แว่นกรองแสง, เก้าอี้เออร์โก, พาวเวอร์แบงก์, ขนม Energy Bite) และสายนี้บางคนเขาจะมีคอนเทนต์เป็นไลฟ์ยาว 4 ชั่วโมง แฟนๆ ดูติดลม = โลโก้คุณวาร์ปขึ้นซ้ำๆ วนๆไป
สายกีฬาและฟิตเนส: เช่น เทรนเนอร์ส่วนบุคคล กล้ามแน่น หุ่นดี ที่ทำให้เรารู้สึกอยากปาชานมไข่มุกทิ้งแล้วไปต้มอกไก่กิน จุดแข็งกลุ่มนี้คือ นับวันพนักงานออฟฟิศจะเข้าฟิตเนสมากขึ้นเรื่อยๆ ยิมกลายเป็นแหล่งรวมตัวที่คนอยากดูดีแต่งตัวมาอวดกัน สายนี้เลยไม่จำกัดแค่ของเกี่ยวกับอาหารเสริมหรือการกีฬาเท่านั้น แต่ยังสามารถครอบคลุมถึงสินค้าและบริการอีกสารพัดที่ตอบโจทย์ Lifestyle สายเฮลท์ตี้ ไม่ว่าจะเป็น สตรีทแฟชั่น Gears & Gadgets แม้กระทั่ง คอร์ส หรือ ประกันสุขภาพ นอกจากนั้น Retention ยังสูง เพราะการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ต้องทำทุกวัน แฟนๆเลยติดตามผลงานอย่างต่อเนื่อง โบนัสของสายนี้คือบางคนมีวิดิโอ YouTube นำออกกำลังกายยาวๆที่เอาไว้ให้คนดูทำตาม แปลว่าคนดูจะกลับมาดูคอนเทนต์นั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นคอนเทนต์ที่ life shelf นานมากๆ ถ้าแบรนด์คุณได้ปรากฎอยู่ในนั้นก็การันตีได้เลยว่าคนดูจะเห็นคุณไปซ้ำๆยาวๆ
สายบล็อกเกอร์/วล็อกเกอร์: นักเล่าเรื่องผู้เปลี่ยนกิจวัตรน่าเบื่อเป็นมหากาพย์ เช่น “พาแมวไปหาหมอ” → คนดูเป็นแสน หรือ “Unbox ไม้แขวนเสื้อ” → คนแห่คอมเมนต์ว่าต้องการรีวิวละเอียดเพิ่ม เป็นสายที่รีวิวอะไรก็เนียนไปหมด แบรนด์อะไรแบบไหนจะเข้าก็ได้ จุดแข็งของสายนี้มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น trust ที่ผู้ติดตามรู้สึกเหมือนเรากำลังดูเพื่อนใช้ชีวิตประจำวัน และต้องยอมรับว่าอินฟลูเอนเซอร์สายนี้เป็นสายที่รีวิวสินค้าได้กว้างที่สุดสายหนึ่ง ตั้งแต่ปลั๊กไฟ, ประกันสัตว์เลี้ยง, น้ำยาปรับผ้านุ่ม, บัตรเครดิต Cashback, ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ DIY ถ้าผูกเรื่องได้ก็ขายได้หมด
สายท่องเที่ยว: มนุษย์เร่ร่อนที่อัพคลิปทริปจนเราต้องถามตัวเองว่า “ชีวิตนี้กูเคยไปไหนบ้าง” จุดเด่นสายนี้คือ คนดูตามรอยทันที เช่น คุณผู้ชายเวลาเราไปเที่ยว บางทีเราก็ใช้เขาเป็นข้ออ้างกับแฟนว่า "ที่รัก ร้านนี้ บาส Go Went Go ก็เคยมากินนะ" ถ้าไม่อร่อย = โยนความผิดให้ครีเอเตอร์ (555) นอกจากนั้นการเที่ยว = คนยอมรับที่จะจ่ายมากกว่าปกติ บางทีก็พร้อมซื้อของแพงอย่างไม่น่าเชื่อ สปอนเซอร์เข้าได้หมดเช่น แกดเจ็ท กระเป๋า เสื้อหนาว กล้อง เลนส์ ขาตั้ง พาวเวอร์แบงค์ เคสไอแพด ฯลฯ
สายความงาม: จิตรกรผู้เสกคนธรรมดาให้กลายเป็นยาย่าใน 3 นาที พร้อมความสามารถในการทำให้คำว่า “ลุคเบาๆ ธรรมชาติ” หมายถึงเมคอัพ 10 เลเยอร์ ราคา 10,000 บาท นอกจากที่จะเป็นสายที่ตรงกับสินค้าประเภท สกินแคร์, คลินิก, treatment ที่สุดแล้ว ยังมีอีกจุดแข็งหนึ่งคือ เศรษฐกิจไม่ดีแค่ไหนคนก็จะไม่หยุดสวย (เล่าจากประสบการณ์ตรงที่บริษัทเราได้ร่วมงานกับคลินิกหลายแห่ง) นอกจากนี้ โดยเฉพาะในสินค้าประเภท สกินแคร์ คนมีความเปิดใจพร้อมลองของใหม่ๆได้ง่ายมาก ทำให้เป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ใหม่ๆที่อยากตีตลาด
สายแฟชั่น: มนุษย์ตู้เสื้อผ้าที่แปลงทุกไอเท็มเป็นแฟชั่นโชว์ และเปลี่ยน “ไม่มีอะไรจะใส่” ให้เป็นวลีฆาตกรรมเงินเดือน จุดแข็งคือถ้าคุณเป็นแบรนด์เสื้อผ้า อินฟลูเอนเซอร์สายนี้ตรงโจทย์ลูกค้าคุณที่สุดแล้ว เขาสามารถ Mix‑and‑Match ไร้ขีดจำกัด เสื้อผ้า fast fashion, luxury bag, รองเท้า sneaker รุ่นลิมิเต็ด, แอปเช่าเสื้อ, บัตรเครดิต 0%
สายครอบครัว: คุณแม่บล็อกเกอร์ที่เล่าเรื่องลูก จนคนผู้ติดตามรู้จักลูกเขาดีกว่าอาจารย์แนะแนว จุดแข็งกลุ่มนี้คือคนติดตามที่เป็นกลุ่มสร้างครอบครัว ลูกยังเล็ก และมีเพนพอยต์เยอะมาก แต่เงินพร้อม คนไทยมีลูกกันน้อยลง พ่อแม่เลยทุ่มเงินได้ไม่อั้นกับลูกคนนึง เป็นโอกาสสำหรับการขายของที่มีมูลค่าสูงถ้าตอบโจทย์นี้ได้
สายอาหาร: ห้ามดูก่อนนอนเด็ดขาด สกิลคือทำให้คนหิวตอนตีสอง ถ้าสั่งแกรบไม่ได้ก็ไปต้มมาม่า จุดแข็งของสายนี้คือ ของที่รีวิวเป็นปัจจัยสี่ที่ต้องเกี่ยวข้องกับทุกคน ผนวกกับเทรนด์รายการอาหารที่เยอะไปหมดทำให้คนกำลังให้ความสนใจกับ การทำอาหารเอง หาร้านอาหารแปลกๆ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สายป้ายยา: สายนี้เกิดมาเพื่อทำลายเงินเดือนของคนทั้งประเทศ รีวิวทุกอย่างตั้งแต่คลิปหนีบผมยันเตาอบ แค่พูดว่า “ต้องมี” ก็ทำให้ดูต่างรู้สึกผิดที่ยังไม่มี! จุดเด่นคือ คนที่ตามรู้ทั้งรู้ว่าจะโดนป้ายยา ก็ยังซื้ออยู่ดี คนติดตามมือลั่นง่ายมาก เพราะการได้ซื้อเป็นความสุขของคนตามช่องเหล่านี้ กลุ่มผู้ตามเปิดใจกับการของของใหม่ๆ

ปิดท้าย
โลกของอินฟลูเอนเซอร์คือพลังเวทมนตร์แห่งการตลาด ที่เปลี่ยนจาก "การโฆษณา" ให้กลายเป็น "คำแนะนำจากเพื่อน" และเปลี่ยนจาก "การมองเห็น" ให้กลายเป็น "การหยุดดูและซื้อจริง" อินฟลูเอนเซอร์ไม่ใช่แค่คนรีวิวสินค้า แต่คือสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าในแบบที่โฆษณาทั่วไปทำไม่ได้
ไม่ว่าคุณจะเลือกอินฟลูเอนเซอร์แบบไหน เล็กหรือใหญ่ สายไหนก็ตาม หัวใจสำคัญคือ "ความจริงใจ" และ "ความสัมพันธ์" ที่อินฟลูเอนเซอร์สร้างกับผู้ติดตาม เพราะท้ายที่สุดแล้ว แบรนด์ที่ชนะในยุคนี้ ไม่ใช่แค่แบรนด์ที่ดังที่สุด แต่คือแบรนด์ที่คน "รู้สึก" ใกล้ชิดและไว้วางใจมากที่สุด
บริษัทเราภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยแบรนด์ชั้นนำมากมายให้ได้ร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์นับหมื่นคน ไม่ว่าจะเป็น GQ, Osuka, ซันไลท์, โอโม่, บรีซ, มคลินทร์คลินิก และอีกมากมาย
เราพร้อมที่จะทำให้แบรนด์ของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยพลังของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์
หากสนใจร่วมงานกับเรา
ติดต่อเราได้ที่
อีเมล์: techlead@imimpowerconsulting.com
หรือนัดปรึกษากับเราว่า AI จะสามารถใช้งานในธุรกิจของคุณได้อย่างไร ฟรี: https://calendly.com/joeimpower/business-introductio#-call
อ้างอิง
The Economist. Too many people want to be social-media influencers. The Economist. 2024 Oct 29 [cited 2025 May 8]. Available from: https://www.economist.com/business/2024/10/29/too-many-people-want-to-be-social-media-influencers
Cube Asia, impact.com. E-commerce Influencer Marketing in Southeast Asia 2024. 2024 [cited 2025 May 8]. Available from: https://cube.asia/ecommerce-influencer-marketing-sea-2024/
Partipost. Influencer Marketing Report 2024: The Future of Influencer Marketing in Southeast Asia. 2024 [cited 2025 May 8]. Available from: https://uploads-ssl.webflow.com/64396970daa63b2dec8b44a8/66c54c989de8781f5ea4b01e_Influencer%20Marketing%20Report%202024_%20The%20Future%20of%20Influencer%20Marketing%20in%20Southeast%20Asia.pdf
Impact.com. The rise of influencer marketing in Southeast Asia. 2021 [cited 2025 May 8]. Available from: https://impact.com/influencer/the-rise-of-influencer-marketing-in-southeast-asia/
Hogan Lovells. Tapping into influencer marketing in Southeast Asia. 2023 [cited 2025 May 8]. Available from: https://digital-client-solutions.hoganlovells.com/influencer/tool/influencers-tool-hot-topics-tapping-into-influencer-marketing-in-southeast-asia?utm_source=chatgpt.com
Comments